เรื่องจริง...ที่ชาวพุทธไม่รู้!!




ถ้า ธรรมกาย มีปัญหาเรื่องการพูดถึง ความรวย 
มีปัญหาเรื่อง โฆษณา ชวนเชื่อ
ให้คนอยากได้อานิสงส์จากการทำทาน 
อรรถกถาแห่งพระไตรปิฎกก็มีปัญหาหลายทีเหมือนกันแหล่ะ 



*อรรถกถา คือ เนื้อความในพระไตรปิฎก ที่พระโบราณจารย์ได้ทำการสังคยานาพระไตรปิฎก 1000 ปี 
หลังจากพุทธปรินิพพาน ท่านได้อธิบายขยายความธรรมะที่ออกจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้า 
เรียกส่วนนี้ว่า อรรถกถา

อันนี้พยายามจะพูดแบบเป็น ก ล า ง ที่สุด 
คือ ถ้าเรากล้าตั้งคำถามกับธรรมกาย 
เราก็ต้องกล้าตั้งคำถามกับอรรถกถาแห่งพระไตรปิฎก 
เหมือนอย่างที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านทำ 
มีหลายที่เลย ที่หลวงพ่อพุทธทาสท่าน ไ ม่ เ อ า ด้วยกับพระอรรถกถาจารย์



สวรรค์ ที่สวยงามเกินจินตนาการของมนุษย์

ถ้าใครเคยอ่าน อรรถกถา โดยเฉพาะก็ธรรมบทที่เป็นเรื่องราว
ของคนในสมัยพุทธกาลต่าง ๆ จะเห็นเลยว่า ท่านพรรณาผลของการให้ทานไว้อย่างวิจิตรพิศดารมาก 
จนบางทีก็เวอร์วังอลังการ จนเราไม่อยากจะเชื่อ 

มีเรื่องหนึ่งพูดถึงขนาดว่า 
คนศรัทธาสร้างพระคันธกุฎีให้พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน
แล้วปูลาดบริเวณโดยรอบด้วยรัตนะแก้วมณี 
มีอันหนึ่งขนาดใหญ่เท่ากับผลแตงโม 
นี่อลังการใหมล่ะ 


มีการพูดถึงเรื่องของปราสาททิพย์และนางเทพอัปสร 
ที่ผุดขึ้นไว้รอรับบนสวรรค์ ตั้งแต่คนที่ทำทานในโลกนี้
อย่างนายนันทิยะยังไม่ทันตายด้วยซ้ำ

แล้วเรื่อง การให้จนหมดตัวนี่ ไม่ใช่เพิ่งมีนะ 
อนาถบิณฑิกะเศรษฐี เป็นต้นแบบของคนที่ถวายทานจนหมดตัวเลยล่ะ แต่ท่านไม่ได้ถวายเงินนะ อันนี้ต้องพูดให้ชัดก่อน 
คือถวายปัจจัย ๔ บำรุงพระภิกษุสามเณร 
นี่แหล่ะ จนหมดตัว ถึงขนาดว่า ตอนหลังต้องเอาน้ำผักกาดดอง 
มาทำเป็นกับข้าวถวายพระ  นึกขำขำนะว่า 
ถ้าอนาถปิณฑิกะเศรษฐี ดันมาเกิดในยุคนี้ คงโดนด่าว่า หน้าโง่ 
แน่แน่เชียว



➤ พิธีบูชาข้าวพระ ณ วัดพระธรรมกาย

เรื่องการให้ทานแบบโอเวอร์ ในสมัยพุทธกาลมีเยอะ 
ถ้าเทียบกันแล้ว เอาเป็นว่า การบูชาข้าวพระของวัดธรรมกายนี่ 
ไม่ได้ครึ่งด้วยซ้ำ อย่างเรื่องการถวายอสทิสทานของพระราชา 
ซึ่งใช้ช้าง 500 เชือก เรือทองคำ 10 ลำ ให้ทานวันเดียวหมดไป 
14 โกฎิ จนอำมาตย์คนหนึ่งถึงกับเอาไปนินทาว่า 
สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

พูดถึงอานิสงส์ของการให้ทาน จริงๆที่ถูกพรรณาไว้
โดยพระอรรถกถาจารย์ หนีเรื่องความรวยไปไม่พ้นสักเรื่อง 
นี่พูดแบบไม่โลกสวยนะ 

ไปดูบุพพกรรมของเศรษฐีในสมัยพุทธกาลแต่ละคนเถอะ 
ที่ถวายทานในพุทธศาสนา บางคนนี่ถึงกับมีภูเขาทองคำผุดขึ้นหลังบ้านเลยทีเดียว 
บ้างก็ดินในนาเปลี่ยนเป็นทองคำแท่งทั้งไร่ก็มี 
เดือดร้อนไปถึงพระราชาต้องรับสั่งให้เอาเกวียนมาขนกันไป 
เรื่องลักษณะนี้มีเยอะมากในอรรถกถา
ชฎิลเศรษฐีผู้มีภูเขาทองคำที่เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ด้วยอำนาจบุญที่เขาเคยทำไว้


ที่เอาเรื่องนี้มาเขียน ไม่ใช่ ว่าจะให้เห็นด้วยกับธรรมกาย 
หรือบอกว่าสิ่งที่ธรรมกายสอนถูก แค่อยากจะชวนคิดให้มากขึ้น 
มองให้กว้างขึ้น ชนิดที่ว่าทำลายความอคติที่มีเฉพาะแค่
วัดพระธรรมกายให้ได้เท่านั้นเอง 

อยากให้คนพุทธหันมาศึกษาคัมภีร์ในทางพุทธศาสนาให้มากขึ้น 
ให้กล้าที่จะตั้งคำถามไปถึงต้นตอจริงจริง 
อย่าลืมว่า พุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดเลยว่า 
อย่าเชื่อเพราะอ้างว่า เป็นคัมภีร์ 

ที่สำคัญ เราต้องยอมรับว่า 
ปัญหาเรื่องวิธีการสอนของธรรมกายจริงๆ
ส่วนหนึ่งมันก็มาจากเนื้อหาในพระไตรปิฎกนั่นแหละ 

ไอ้ที่อย่างนักร้องคนหนึ่งออกมาพูดว่า 
ถ้าพุทธแท้ ต้องสอนให้ละ สอนให้บริจาคเพื่อไปนิพพานเท่านั้น
ไม่ใช่ สอนให้ทำทานเพื่อให้ไปสวรรค์ 

อันนี้ไม่จริงนะ 
คือมันมีหลายที่ ที่ไม่ได้สอนเพื่อมุ่งให้คนไปนิพพาน


➤ พระไตรปิฎก คือ คัมภีร์ของพระพุทธศาสนา



อย่างเวลาพระพุทธเจ้าถ้าจะแสดงธรรม จะโน้มน้าวคนที่ไม่มีศรัทธา
ท่านยังต้องสอนเรื่อง อนุบุพพิกถา ก่อนเลย 
ต้องค่อยค่อยไล่ไปตั้งแต่เรื่องของ ทาน ศีล สวรรค์ 
แล้วค่อยไปเนกขัมมะ คือกับบางคนก็สอนเรื่องนิพพาน
เรื่องการออกบวชไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ 


อย่างอนาถบิณฑิกะเศรษฐี พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเรื่องนิพพานให้ฟังเลย  
มีแต่สอนเรื่องทิฎฐธมมิกประโยชน์ 
คือประโยชน์ที่จะได้รับในโลกนี้ทั้งนั้น 
เช่น สอนเรื่องการใช้เงินว่า ต้องทำยังไงบ้าง สอนการประกอบอาชีพโดยสุจริต เป็นต้น เพราะอนาถปิณฑิกะเศรษฐีแกเป็นพ่อค้าไง
 จะให้มาฟังธรรมในระดับคนออกบวช มันก็ไม่ได้ แกฟังไม่รู้เรื่อง

สรุปก็คือจะบอกว่า ที่ธรรมกายเอามาสอน 
เอามามอมเมาอย่างที่เราเข้าใจกันน่ะ 
แท้ที่จริงแล้วมันก็มีซุกซ่อนอยู่ในคัมภีร์ของ
พุทธศาสนาเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไปซะทีเดียวหรอก

- พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ -


ชาวพุทธบางคน แสลงคำว่า รวย 
โดยที่ไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้าให้ทางเลือกไว้ว่า
ใครจะละทิ้งสมบัติ ออกบวช ไปนิพพานเลยก็ได้
หรือใครจะอยู่ทางโลก เจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์และสนับสนุนพระศาสนาและสังคมก็ได้ 
แม้ไม่หมดกิเลสแต่ก็เป็นพระโสดาบันได้ 

ชาวพุทธมีสิทธิ์เลือกได้พระพุทธเจ้า ไม่ได้ บังคับว่าคนทุกคน 
จะต้องทิ้งสมบัติบวชเป็นพระอรหันต์กันหมดทุกคน 
คุณสามารถอยู่ร่ำรวยทั้งโลก ถือศีลปฏิบัติธรรม 
ค้ำจุนพุทธศาสนาก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันได้ 
ดังนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้มีทรัพย์มาก

บุคคลใดให้ทานเองด้วย ชักชวนผู้อื่นให้ทำทานด้วย 
บุคคลนั้น ย่อมได้ทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติในที่ๆตนเกิดแล้ว 
พระไตรปิฎก หมวดพระสุตตันตปิฎก คาถาธรรมบท เล่มที่ 1 หน้าที่ 27



ความร่ำรวย ไม่ใช่ ความชั่ว และคนรวยไม่จำเป็นต้องยึดติดในทรัพย์ 
ไม่อย่างนั้น คงไม่มีพระอรหันต์ที่เป็นเลิศทางด้านโชคลาภนามว่า พระสีวลี พระพุทธเจ้าสอนให้เราชาวพุทธเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม คือโลกียทรัพย์และอริยทรัพย์ครับ



<<<VDO กดเล่นได้>>>


<<<VDO กดเล่นได้>>>


<<<VDO กดเล่นได้>>>


<<<VDO กดเล่นได้>>>


<<<VDO กดเล่นได้>>>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น...